• Rocket Sound I Call Center 0-2792-9999 I Line ID : rocketsound I Facebook : RocketSoundThailand I Instagram : Rocketsound_Thailand
 

ย่านเสียงของเครื่องดนตรี กับปุ่มความถี่บน EQ

  • วันที่: 03/05/2014 15:53
  • จำนวนคนเข้าชม: 17410

ก่อนที่เราจะคิดไปไกลถึงการปรับตั้งเสียงนั้น เราควรจะได้รับรู้กันก่อนว่า เครื่องดนตรีและเสียงร้องนั้นอยู่ในช่วงความถี่ย่านใด ทั้งนี้เพื่อให้ความสามารถในการแยกแยะเสียงที่ได้ยิน กับการปรับตั้งเสียงนั้นสอดคล้องกัน ในเรื่องของคลื่นเสียงทางวิชาการ

ย่านเสียงของเครื่องดนตรี

ที่ถูกต้องเราควรจะได้ทราบถึงย่านเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชนิด ที่นำมาประกอบขึ้นเป็นเสียงเพลง เพื่อใช้เป็นแนวทางของการวิเคราะห์อย่างตรงจุดมากที่สุด

ประเภทของเสียงร้อง

เสียงร้องประเภท Bass (เสียงร้องในระดับต่ำของผู้ชาย) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 70 Hz – 380 Hz และมีความถี่รอง(หางเสียง) จาก 380 Hz – 10 kHz

เสียงร้องประเภท Baritone (เสียงร้องระหว่างต่ำกับสูงของผู้ชาย) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 90 Hz – 400 Hz และมีความถี่รองจาก 400 Hz – 10 kHz

เสียงร้องประเภท Tenor (เสียงร้องระดับสุงสุดของผู้ชาย) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 130 Hz – 500 Hz และมีความถี่รองจาก 500 Hz – 10 kHz

เสียงร้องประเภท Alto (เสียงร้องระดับต่ำสุดของผู้หญิง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 160 Hz – 950 Hz และมีความถี่รองจาก 950 Hz – 10 kHz

เสียงร้องประเภท Soprano (เสียงร้องระดับสูงของผู้หญิง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 210 Hz – 1.2 kHz และมีความถี่รองจาก 1.2 kHz – 10 kHz

ประเภทเครื่องดนตรีแบบดีด/สี/ตี

เสียงเครื่องเล่น Bass Viola (เบสชนิดสีตัวใหญ่ทำจากไม้หรือเสียงหนังที่ตีด้วยหัวยาง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 30 Hz – 210 Hz และมีความถี่รองจาก 210 Hz – 15 kHz

เสียงเครื่องเล่น Cello (เครื่องสีขนาดใหญ่) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 50 Hz – 650 Hz และมีความถี่รองจาก 650 Hz – 15 kHz

เสียงเครื่องเล่น Viola (เครื่องสีขนาดกลาง หรือเสียงกีต้าร์โปร่ง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 130 Hz – 1.2 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 1.2 kHz – 15 kHz

เสียงเครื่องเล่น Violin (เครื่องสีขนาดเล็ก) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 180 Hz – 4 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 4 kHz – 15 kHz

ประเภทของเครื่องดนตรีชนิดเป่า

เสียงเครื่องเล่น Bass tuba (เครื่องเป่าขนาดใหญ่หรือเครื่องหนังที่ตีด้วยไม้) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 40 Hz – 380 Hz และมีช่วงความถี่รองจาก 380 Hz – 16 kHz

เสียงเครื่องเล่น Bassoon (เครื่องเป่าชนิดยาว) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 45 Hz – 500 Hz และมีช่วงความถี่รองจาก 500 Hz – 10 kHz

เสียงเครื่องเล่น Bass Clarinet (เครื่องเป่าขนาดกลาง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 80 Hz – 500 Hz และมีช่วงความถี่รองจาก 500 Hz – 10 kHz

เสียงเครื่องเล่น French Horn (เครื่องเป่าปากแตรกว้าง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 120 Hz – 800 Hz และมีช่วงความถี่รองจาก 800 Hz – 16 kHz

เสียงเครื่องเล่น Trumpet (เครื่องเป่าปากแตรทองเหลือง) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 140 Hz – 850 Hz และมีช่วงความถี่รองจาก 850 Hz – 9 kHz

เสียงเครื่องเล่น Clarinet (เครื่องเป่าชนิดเล็ก) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 160 Hz – 1.6 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 1.6 kHz – 16 kHz

เสียงเครื่องเล่น Oboe (เครื่องเป่าเสียงแหลม) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 240 Hz – 1.6 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 1.6 kHz – 16 kHz

เสียงเครื่องเล่น Flute (เครื่องเป่าผิวทำด้วยโลหะ) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 240 Hz – 2.2 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 2.2 kHz – 16 kHz

เสียงเครื่องเล่น Piccolo (เครื่องเป่าขลุ่ยผิว) มีช่วงความถี่หลักประมาณ 500 Hz – 7 kHz และมีช่วงความถี่รองจาก 7 kHz – 16 kHz

ประเภทของเครื่องดนตรีชนิดเคาะ

เสียงเครื่องเล่น Piano (แกรนด์เปียโน) มีช่วงความถี่หลักตั้งแต่ 25 Hz – 7 kHz

หมายเหตุ: จะสังเกตุเห็นได้ว่าแต่ละชิ้นเครื่องดนตรีจะมีความถี่หลัก/ความถี่รอง ดังนั้นย่านเสียงที่สัมพันธ์กันตลอดย่านการตอบสนองความถี่เสียง การปรับเพื่อเน้นเสียงดนตรีชิ้นหนึ่งชิ้นใดเป็นพิเศษ ก็อาจมีผลกระทบกับเสียงของดนตรีชิ้นอื่นๆได้เช่นกัน

เทียบเสียงเครื่องดนตรี กับปุ่มความถี่ใน EQ

ประเด็นสำคัญประการหนึ่งของผู้ที่ต้องการเป็นนักปรับตั้งเสียงผู้มีพรสวรรค์ นั่นคือการที่จะต้องหัดเทียบเสียงเครื่องดนตรีหลักชนิดต่างๆ กับปุ่มปรับความถี่ที่มีอยู่ใน EQ ทั้งนี้ก็เพราะหากได้ยินเสียงดนตรีใดพลาดเพี้ยนไปจากความเป็นจริง ก็จะสามารถมุ่งไปยังปุ่มปรับที่อยู่ในขอบเขตของเครื่องดนตรีนั้นๆได้อย่างแม่นยำ การหัดเทียบเสียงเครื่องดนตรีกับปุ่มความถี่ใน EQ นั้น ปัจจุบันสามารถทำได้ง่าย โดยใช้แผนภูมิที่มีอยู่มากมาย

และข้อสังเกตุที่ควรเก็บไว้พิจารณานั้นก็คือ ในการแยกแถบเสียงของเสียงเพลง/เสียงดนตรีเพื่อการปรับตั้งเสียง เรามักจะแยกออกเป็นส่วนๆด้วยกัน 5 ส่วน อันได้แก่ Sub Bass, Bass, Midrange, High Mids และ High Freqs นั่นหมายถึงในความสอดคล้องของระบบไบแอมป์ ในระบบเสียงรถยนต์ ที่ต้องการหวังผลในการฟังอย่างฟร้อนท์สเตจที่สมบูรณ์ เราอาจจะให้ชุดซับวูฟเฟอร์ทำงานในช่วงต่ำลึกสุดของเสียงไปจนถึงความถี่แถวๆ 60Hz และให้ชุดลำโพงกลางแหลมทำงานในช่วง 60 Hz ไปจนถึงช่วงปลายสูงสุดของเสียง