I Am Legend
- วันที่: 07/05/2013 13:33
- จำนวนคนเข้าชม: 14306
“Pontiac” หรือที่อ่านว่า “ปอนเทียค” ได้เริ่มเดินสายการผลิตในปี 1926 ภายใต้การดูแลของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือ CM ผู้ผลิตรถยนต์จาก อเมริกา อันมีประวัติยาวนานกว่าศตวรรษ
ด้วยการนำของ William Crapo Durant เจ้าของบริษัทผลิตรถม้า ดูแรนท์ ดอร์ท แคร์ริเอจ (Durant-Dort Carriage Company) ที่ต่อมาได้เข้ามาถือครองบริษัทรถยนต์บิวอิก (Buick) และทำการก่อตั้งบริษัท General Motors Company ขึ้น เมื่อวันที่ 16 กันยายน ปี 1908 หลังจากนั้นก็เริ่มรวบรวมบริษัทรถยนต์อื่นๆ เข้ามาอยู่ภายใต้ความดูแลของจีเอ็ม แน่นอนว่า Pontiac ก็ไม่รอดเช่นกัน ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็เพิ่งจะฉลองครบ 100 ปี ไปหมาดๆ แต่พอมาในปีนี้เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ใครจะไปคิดกันล่ะครับว่าประวัติศาสตร์ร้อยปีจะต้องมาสะดุดลงด้วยสาเหตุวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลกที่ทรุดโทรมอย่างหนัก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกาประเทศมหาอำนาจผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกกลับต้องมาเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจครั้งร้ายแรง ทำให้บริษัท ห้างร้าน รวมถึงค่ายรถยนต์อย่างจีเอ็มต่างประสบปัญหาสภาวะขาดทุนอย่างหนัก จนบริษัทต้องเข้าสู่กระบวนการขอล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์สินในที่สุด จึงต้องมีการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่เพื่อให้บริษัทอยู่รอดต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดพนักงาน ลดต้นทุนในการผลิต รวมทั้งยกเลิกการผลิตรถยนต์ยี่ห้อ Pontiac ลงในปี 2010... สำหรับตัวโหดของ “แบรนด์ที่กำลังจะกลายเป็นตำนาน” นี้ เราจะย้อนยุคไปอยู่ในช่วง SIXTY กันอีกครั้งในชื่อรุ่นว่า “Pontiac LeMans” ที่ถือกำเนิดขึ้นระหว่างปี 1962 - 1981 หลังจากนั้นจึงได้ย้ายกรรมสิทธิ์ไปอยู่กับ Daewoo Motor ในปี 1986.
ถึงเวลาจะผ่านล่วงเลย แต่ความคลาสสิคก็มิโรยรา Pontiac LeMans เริ่มจำหน่ายเมื่อปี 1962 ที่ตอนแรกจะผลิตออกมาเพียงแค่แบบคูเป้และแบบเปิดประทุนเท่านั้น มีลักษณะเป็นแแบบ Y Body (เป็นโครงสร้าง Chassis พื้นฐานทั่วไปที่ทางจีเอ็มใช้เรียกเพื่อแบ่งประเภทรถ) พอมาถึงในปี 1964 ก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงกันอีกครั้งด้วยการหันมาใช้แบบ A Body (บอดี้ขนาดกลาง) รวมถึงมีการอัพเกรดเครื่องยนต์กันใหม่ทั้งแบบ 6 สูบ และแบบ V8 โดยในปีนี้เองทาง Pontiac ยังได้ผลิตตัวพิเศษขึ้นมาเพื่อตีคู่ทำตลาดกันไปกับเจ้า LeMans (เหมือน Lancer กับ Evolution) ที่ใช้ชื่อรุ่นใหม่ว่า “GTO” (Gran Turismo Omologato) สำหรับรูปร่างหน้าตาโดยรวมจะยังคงคล้ายๆ กันอยู่ ต่างกันก็แค่เล็กๆน้อยๆ เท่านั้น อย่างเช่น ไฟท้าย หรือ ฝากระโปรง ส่วนจุดเด่นจริงๆ ของ GTO จะอยู่ตรงที่มีการนำเครื่องยนต์แบบ BIG BLOCK มาประจำการแทน ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวรถ Muscle Car สายพันธุ์นี้ก็ว่าได้...
ถึงเวลาจะล่วงเลยผ่านไปกว่า 40 ปี ภายในห้องโดยสารกลับยังคงกลิ่นอายความคลาสสิกเมื่อครั้งอดีตไว้ได้แบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเบาะนั่ง คอนโซล หรือมาตรวัดต่างๆ ก็ยังคงอยู่ในสภาพดี มีเพียงแต่การนำเบาะไปหุ้มหนังใหม่แทนหนังเก่าที่ซีดขาดตามกาลเวลา นอกจากนี้ยังได้มีการเพิ่มเติมอุปกรณ์ที่จำเป็นลงไป เริ่มจากการเปลี่ยนมาใช้พวงมาลัยซิ่งขนาดกำลังดียี่ห้อ Grant และเพื่อความถนัดมือในการโยกเกียร์ จึงได้เปลี่ยนมาใช้หัวเกียร์แต่งจาก B&M รวมถึงยังได้ติดตั้งเกจ์วัดเข้าไปอีก 3 ตัวจาก Auto Meter เอาไว้คอยดูข้อผิดพลาดของเครื่องยนต์ อันได้แก่ OIL PRESSURE METER , WATER TEMP METER และ Volts Meter ทั้งยังปลอดภัยยามเกิดเหตุไม่คาดฝันด้วยการติดตั้งสวิตช์ตัดไฟรถทั้งระบบเอาไว้ตรงคอนโซลหน้า ซึ่งยังทันสมัยด้วยการติดระบบ Engine Start เพียงกดปุ๊บ เสียงเครื่องยนต์ก็คำรามปั๊บ
เดิมทีเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ในรุ่นนี้จะเป็นแบบ Small Block หรือเครื่องยนต์บล็อกเล็กขนาดความจุ “แค่ 5,300 CC” ให้แรงม้ากำลังดีที่ 285 ตัว ซึ่งถ้ามองดูแล้วก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ด้วยคอนเซ็ปท์ที่ทางคุณโอมเจ้าของรถต้องการให้มันมีความจัดจ้านสไตล์ STREET USE เน้นใช้งานในชีวิตประจำวันบวกกับซิ่งในบางเวลาได้แบบไม่อายใคร จึงได้เข้าไปปรึกษากับทางอู่ “ช่างฮง” ผู้คร่ำหวอดในแวดวงรถ Muscle Car มาอย่างช้านาน หลังจากนั้นก็ได้ข้อสรุปว่าควรเปลี่ยนมาใช้เครื่องยนต์ BIG BLOCK ที่ประจำการอยู่ในตัว GTO ปี 1966 แทน ด้วยพื้นฐานของเครื่องยนต์ที่ดีกว่า ทำให้ง่ายต่อการโมดิฟายด์ โดยจะมีให้เลือกเล่นอยู่ 3 ตัวด้วยกัน เป็นบล็อก V8 ความจุ 6,400 CC ทั้งหมด ให้เรี่ยวแรงต่างกันออกไปที่ 335 แรงม้า, 360 แรงม้า และอีกรุ่นที่มีตัว Ram Air ทำหน้าที่ช่วยให้การลำเลียงลมเย็นๆ จากหน้ารถเข้าสู่กรองอากาศได้ดีกว่าทั่วไป ส่วนแรงม้าก็ยังคง 360 ตัวเหมือนเดิม
สำหรับบล็อกที่สถิตอยู่ใน LeMans คันนี้จะเป็นตัว360 แรงม้า ไม่มี Ram Air นอกจากนี้ยังได้ทำการโมดิฟายด์เพิ่มแรงม้าให้มันไปอยู่ในระดับ 400-500 ตัว เริ่มตั้งแต่การทำให้เครื่องยนต์มีความอึดไม่ใจเสาะลาโลกไปง่ายๆ ด้วยการเปลี่ยนมาใช้ลูก ก้าน ข้อ ที่ผลิตมาจากวัสดุ FORGED ทั้งหมด (เพราะในอนาคตทางคุณโอมมีแผนที่จะติดตั้งระบบ NITROUS OXIDE และจะขยับ STEP เพิ่มขึ้นอีกด้วย จึงได้ทำเผื่อไว้ก่อนเลยครับ) ต่อมาก็ประกบด้วยฝาสูบแบบอะลูมิเนียมของค่ายดัง Edelblock ที่มีความเบากว่า ระบายความร้อนได้ดีกว่า ทั้งยังมีการ Flow ของอากาศดีกว่าฝาสูบเหล็กทั่วไป โดยมากันแบบยก SET ไม่ว่าจะเป็นฝาสูบ, วาล์ว, สปริงวาล์ว, รีเทนเนอร์ รวมทั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นก็มีมาให้อย่างครบครัน พร้อมทั้งยังได้เปลี่ยนมาใช้แคมชาฟท์ซิ่งองศาสูงตามแบบฉบับรถแรงทั่วไปจากสำนัก CRANE ในส่วนของระบบจ่ายเชื้อเพลิงจะส่งผ่านทาง คาร์บูเรเตอร์เดี่ยวตัวใหญ่จากค่าย Holly ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใน STEP นี้ รวมถึงเพิ่มประสิทธิภาพในการจุดระเบิดด้วยสายหัวเทียน Accel สีสันสดใส สร้างความสวยงามให้กับห้องเครื่องได้เป็นอย่างดี ก่อนจะถ่ายพลังงานทั้งหมดลงสู่เพลาท้ายด้วยเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic 3 Speed ของ B&M ช่วยให้การเข้าเกียร์เป็นไปอย่างต่อเนื่อง รวดเร็ว รองรับกับแรงบิดอันมหาศาลได้เป็นอย่างดี
แน่นอนว่าเมื่อมีการอัพเกรดเครื่องยนต์ให้มันจัดจ้านกว่าเดิมแล้ว ระบบช่วงล่างก็ต้องมีการปรับปรุงใหม่ตามไปด้วย โดยการเซ็ตค่าโช๊คอัพรวมถึงเปลี่ยนสปริงใหม่ให้เหมาะสมกับความแรงที่เพิ่มขึ้น สำหรับล้อแม็กสวยๆ เข้ากับยุคสมัยของรถที่เลือกใส่นั้น เป็นของสำนัก Central Line สั่งตรงมาจากอเมริกา ขอบ 15” ทั้ง 4 ล้อ ด้านหน้ากว้าง 8” ส่วนด้านหลังกว้างถึง 10” ซึ่งรัดด้วยยาง BF GOODRICH ขนาด 225/60 และ 255/60 ตามลำดับ
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเจ้า Pontiac LeMans ที่เราเอามาให้ชมกันในครั้งนี้ ถือเป็นการหลีกหนีความจำเจหลังจากที่รับชมรถจากฝั่งญี่ปุ่นมาโดยตลอด ทั้งนี้ก็ต้องขอขอบคุณ คุณโอม สำหรับ America Muscle Car สวยๆ มา ณ ที่นี้ด้วยครับ และถ้าผู้ใดสนใจสเต็ปการโมฯ ล่ะก็ สามารถติดต่อสอบถามช่างฮงได้ที่ 081-811-9086