FLAC ไฟล์บีบอัดเพลง คุณภาพเสียงระดับไฮเอ็นด์
- วันที่: 17/05/2014 13:04
- จำนวนคนเข้าชม: 11617
FLAC นั้นย่อมาจากคำว่า Free Lossless Audio Codec (ปรากฏเป็นนามสกุลไฟล์ .flac) มีรูปแบบเป็นไฟล์บีบอัดเสียงเพลง คล้ายๆกับ MP3 ที่เราๆคุ้นเคยกัน เพียงแต่มีความสูญหายต่ำมากๆ (Lossless) หรือแทบไม่มีการสูญหายของข้อมูลเพลงเลย และได้รับการยอมรับว่าให้คุณภาพของเสียงได้ในขั้น “ไฮ-ไฟ” หรือที่เราคุ้นกับคำว่า “ไฮ-เอ็นด์” นั่นเอง ที่สำคัญไฟล์ในรูปแบบนี้ก็ยังเป็น open source ที่ไม่มีค่าลิขสิทธิ์ใดๆให้ต้องระแวง
ปัจจุบันไฟล์บีบอัดเสียงเพลง FLAC นี้ได้รับความนิยมสูงมาก สามารถทำงานได้รวดเร็ว มีโปรแกรมและแอพพลิเคชั่นรองรับมากมาย ถ้าใน PC ก็อย่าง Winamp V.5.5, ใน Android ก็ TTPOD / PowerAmp / n7player และอีกหลายตัว, ส่วนใน iOS ก็มีอย่าง Equalizer Pro หรือ Rockbox แต่มีขั้นตอนการใช้งานเล็กน้อย
สำหรับเครื่องเล่นในรถยนต์ ที่รองรับไฟล์ FLAC เท่าที่ทราบมาก็มีอย่าง Kenwood รหัส KMM ที่จะมีโลโก้เป็น FLAC หรือ free lossless audio codec ปรากฏอยู่ หรือรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Pioneer AVH-X8650BT ก็รองรับการเล่นไฟล์ FLAC ผ่านอุปกรณ์ SD Card หรือ USB ได้
ไฟล์ FLAC จะรองรับ sample rate ในช่วง 1 Hz ถึง 1048.58 kHz โดยมี bit depth ถึง 32 bit ซึ่งปัจจุบันเป็น FLAC V.1.2.1 และกำลังจะมี V.1.3.0 ออกมาในเร็ววันนี้
สำหรับไฟล์บีบอัด ที่อยู่ในอนุพันธ์เดียวกับ FLAC (คือเป็น Lossless เหมือนกัน) ก็ได้แก่ WavPack, Apple Lossless, และ WMA Lossless
การบีบอัดไฟล์ในแบบ Lossy อย่าง MP3 นั้น เป็นการบีบอัดที่มีการทิ้งข้อมูลออกไปบางส่วน อาทิเช่น เสียงในย่านสูงกว่า 15,000 Hz โดยใช้โมเดลเสียงที่มนุษย์รับรู้ได้เป็นเกณฑ์ในการตัดออก (psychoacoustic model) ซึ่งจะทำงานในขั้นตอนการเข้ารหัสเสียง (Encoder) รวมถึงปริมาณการตัดออกนั้นจะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับ bit rate ค่าที่สูงการตัดข้อมูลก็จะน้อยกว่า รวมถึงขนาดของไฟล์ ถ้าหากเป็นไฟล์ขนาดใหญ่ ก็มีเสียงดี
ส่วนการบีบอัดไฟล์ในแบบ Lossless นั้น จะให้คุณภาพเสียงที่เหมือนกับต้นฉบับในทุกๆรูปแบบไฟล์ เพียงแต่มีความแตกต่างกันไปในเรื่องความสามารถในการบีบอัด ซึ่งโดยทั่วไปไฟล์ในแบบ Lossless จะมีขนาดไฟล์ที่ใหญ่กว่าแบบ Lossy พอสมควร แต่ได้ข้อดีที่มีความเป็นไฮเอ็นด์ในเนื้อเสียงที่เหมือนต้นฉบับเกือบ 100%
ไฟล์ในแบบ FLAC ที่มีความยาว 5 นาที จะใช้พื้นที่ไปราวๆ 30 Mb ซึ่งถ้าดูค่า bit rate ก็จะอยู่ที่ราวๆ 900 kbps (ในแผ่น CD ปกติ ใช้ bit rate ที่ 1411 kbps) แต่เมื่อเทียบกับ MP3 ทั่วๆไป จะใช้แค่ 128 kbps จึงเห็นได้ชัดว่าไฟล์ในแบบ FLAC มีคุณภาพของเนื้อหามากกว่าถึงเกือบ 10 เท่าเลยทีเดียว จึงสรุปได้ว่า(และได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง) เสียงดีกว่ากันแบบเห็นๆ(รู้สึกได้จากการฟัง)