MP3 สื่อบันเทิงทางเสียง
- วันที่: 03/05/2014 15:20
- จำนวนคนเข้าชม: 9235
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เมื่อเราจะกล่าวถึงสื่อบันเทิงทางเสียงเพลงในปัจจุบัน ที่สามารถพกพาติดตัวเพื่อนำไปใช้งานได้ในที่ต่างๆนั้น ไฟล์ในแบบ MP3 จะเป็นสื่อแรกที่เรานึกถึง เพราะมันสามารถโยกย้ายถ่ายเท, จัดเก็บ ในปริมาณที่มากมายได้ในพื้นที่แค่เพียงนิดเดียว สามารถส่งถ่ายได้ทั้งทางอากาศ, ทางสายลิงค์ หรือแม้กระทั่งการส่งมอบปกติ ถ้านึกภาพไม่ออกก็ให้ลองมองดูนิ้วหัวแม่มือของเรา แล้วลองจินตนาการว่ามันสามารถบรรจุเพลงเอาไว้ได้มากถึงหลักหมื่นเพลง ซึ่งนั่นคือที่มาของ Thumb Drive ขนาดความจุ 16 กิ๊กกาไบท์(16 GB)
เราคงไม่ต้องกล่าวถึงการนำไปใช้งาน เพราะปัจจุบันท่านมิตรสหายทั้งหลาย(คาดว่ากว่าค่อนประเทศ) คงใช้งาน MP3 กันเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว ทั้งโหลดจากเน็ท, ฟังผ่านมือถือ หรือ Players ต่างๆ แต่เราจะนำท่านไปรู้จักกับ MP3 ว่ามันมีที่มากันอย่างไร
บริษัทที่มีชื่อว่า Fraunhofer-Gesellshaft ในเยอรมัน ถือว่าเป็นผู้พัฒนาปรับปรุง MP3 และในปัจจุบันก็ได้ทำการจดสิทธิบัตรในส่วนของเทคโนโลยี่การบีบอัดเสียงนี้เอาไว้แล้วที่อเมริกา (United State Patent 5,579,430) โดยเข้าอยู่ในหมวด “กระบวนการเข้ารหัสดิจิตอล”(Digital Encoding Process) โดยมีรายชื่อของผู้สถาปนาที่ถือครองสิทธิบัตรประกอบด้วย Bernhard Grill, Kari-Heinz Brandenburg, Thomas Sporer, Bernd Kurten และ Ernst Eberlein
ซึ่งในปี 1987 ได้มีการก่อตั้งศูนย์วิจัย Fraunhofer Institut Integrierte Schaltungen ขึ้นเพื่อเป็นเกียรติ โดยเริ่มต้นวิจัยค้นคว้าเกี่ยวกับเสียงที่มีคุณภาพสูง แต่มีอัตราการเข้ารหัสเสียงแบบบิทเรทต่ำ(low bit-rate) ภายใต้ชื่อโครงการว่า EUREKA project EU147 เพื่อใช้สำหรับการกระจายเสียงแบบดิจิตอล
มีบุคคลอยู่สองท่าน ทีมักถูกกล่าวถึงกันบ่อยที่สุดคือ Dieter Seitzer และ Karlheinz Brandenburg หากจะมีเรื่องราวที่พูดถึงการพัฒนา MP3 โดยมีสถาบัน Fraunhofer ที่ให้ความช่วยเหลือในเรื่องการเข้ารหัสเสียง สำหรับ Dieter Seitzer เป็นศาสตราจารย์อยู่ที่มหาวิทยาลัย Erlangen รับผิดชอบงานในส่วนของคุณภาพการถ่ายโอนสำหรับเสียงดนตรี ที่มีคุณภาพเหนือกว่าเสียงพูดปกติในมาตรฐานของระบบโทรศัพท์ทั่วๆไป ส่วนสถาบันวิจัย Fraunhofer นั้นอยู่ภายใต้การบริหารของ Karlheinz Brandenburg และมักรู้จักกันในนามของ “บิดาแห่ง MP3” ซึ่ง Karlheinz Brandenburg นั้นถือเป็นเชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์และอีเล็กทรอนิกส์ ได้ทำการค้นคว้าวิธีการบีบอัดเสียงเพลง หรือเสียงดนตรีเอาไว้ตั้งแต่ปี 1977 โดยในคำให้สัมภาษณ์พิเศษกับทางอินเทล(Intel-เจ้าพอโปรเซสเซอร์) Kartheinz Brandenburg ได้อธิบายถึงวิธีการของ MP3 และใช้เวลานานกว่าหลายปีที่จะพัฒนาได้สำเร็จ และก็เกือบจะล้มเหลว ตอนที่ Brandenburg เริ่มต้นโครงงานเมื่อปี 1991 เมื่อในระหว่างทำการทดสอบด้วยการเข้ารหัสแบบพื้นฐาน มันกลับไม่สามารถทำงานได้อย่างถูกต้อง ประมาณ 2 วันก่อนการส่งมอบรหัส MP3 รุ่นแรกเริ่ม เขาก็พบได้ว่าการแปลงสัญญาณกลับมีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น Error!
MP3 คืออะไร?
MP3 คือมาตรฐานสำหรับ MPEG Audio Layer III (ระดับชั้นของเสียง MPEG ลำดับที่ 3) และเป็นมาตรฐานสำหรับการบีบอัดเสียงเพลง/เสียงดนตรี ที่ทำให้ไฟล์เพลงมีขนาดเล็กลง โดยสูญเสียคุณภาพเสียงไปเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่สูญเสียเลย MP3 เป็นส่วนหนึ่งของ MPEG ซึ่งเป็นชื่อย่อของ Motion Pictures Expert Group อันเป็นตระกูลมาตรฐานสำหรับการแสดงผลทางด้านภาพและเสียงที่ใช้การคลายปมทางลอจิก ถูกกำหนดมาตรฐานโดยองค์การมาตรฐานอุตสาหกรรม หรือ ISO โดยเริ่มต้นขึ้นในปี 1992 ด้วยมาตรฐาน MPEG-1 ที่เป็นมาตรฐานการบีบอัดภาพวีดีโอด้วยแบนวิธต่ำ ซึ่งหลังจากนั้นก็มีมาตรฐานการบีบอัดภาพและเสียงวีดีโอที่มีแบนวิธสูงตามมา เป็น MPEG-2 และมีคุณภาพที่ดีพอสำหรับเทคโนโลยี่ DVD
สำหรับ MPEG Layer III หรือ MP3 นั้น จะเน้นความเกี่ยวข้องแต่เฉพาะเรื่องของการบีบอัดเสียงเพลง/เสียงดนตรีเพียงอย่างเดียว ไม่เกี่ยวกับเรื่องของภาพ
บริษัท Fraunhofer Gesellschaft ได้กล่าวถึงเกี่ยวกับ MP3 ไว้ว่า “มันไม่ใช่การลดทอนข้อมูล, สัญญาณดิจิตอลเสียงเพลงปกติซึ่งประกอบด้วยข้อมูลขนาด 16 บิท ที่มีอัตราการสุ่มตัวอย่างเกินสองเท่าของแบนวิธเสียงจริง (เช่น 44.1 kHz ของแผ่น CD-Compact Discs) จะถูกต่อท้ายเข้าไปให้มีข้อมูลมากเกินกว่า 1,400 Mbit ต่อการเกิดเสียง 1 วินาทีในเสียงเพลงสเตอริโอ กับคุณภาพของแผ่น CD และใช้การเข้า(ตั้ง)รหัสเสียง MPEG ซึ่งนั่นก็คือการหดต้นฉบับข้อมูลเสียงจากแผ่น CD ด้วยส่วนย่อยของ 12 เพื่อไม่ให้คุณภาพของเสียงต้องสูญเสียไป”
ในช่วงราวๆต้นปี 1996 Frauenhofer ได้ทำการพัฒนาเครื่องเล่น MP3 ขึ้นเป็นคนแรกแต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งในปี 1997 นักพัฒนาที่ชื่อ Tomislav Uzelac ของบริษัทผลิตภัณฑ์มัลติมีเดียชั้นสูง ที่ทำการประดิษฐ์ตัวขยายเสียงสำหรับเครื่องเล่นกลับ MP3 กลับประสบความสำเร็จในการออกแบบเครื่องเล่น MP3 ได้เป็นเจ้าแรก นักศีกษามหาวิทยาลัยอีกสองคนคือ Justin Frankel และ Dmitry Boldyrev ได้ทำการพอร์ตภาคขยายนี้เข้าไปใน Windows OS และออกแบบสร้างเป็นโปรแกรม Winamp พอมาถึงในปี 1998 โปรแกรม Winamp ก็กลายเป็นเครื่องเล่นเพลง MP3 สำหรับใช้งาน ฟรี! ที่สามารถเสริมประสิทธิภาพของ MP3 ได้สำเร็จ โดยไม่ต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ในการใช้งานเครื่องเล่น MP3
ประวัติความเป็นมาของ MP3
1987 - สถาบัน Fraunhofer ในเยอรมันเริ่มทำการวิจัยในชื่อรหัส EUREKA project EU147 หรือการกระจายเสียงดิจิตอล(DAB)
มกราคม ปี 1988 – กลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางภาพยนตร์ (Moving Picture Experts Group) หรือ MPEG ได้ตั้งอนุกรรมการขององค์การมาตรฐานระหว่างประเทศ/คณะกรรมการเชิงอีเล็กทรอนิกส์ระหว่างประเทศ หรือ ISO/IEC ขึ้นมา
เมษายน ปี 1989 - Fraunhofer ได้รับสิทธิบัตรเยอรมันสำหรับ MP3
1992 - Fraunhofer และ Dieter Seitzer ทำการรวมกลไกการตั้งรหัสเสียง เข้ากับ MPEG-1 ได้สำเร็จ
1993 – เริ่มเผยแพร่มาตรฐาน MPEG-1
1994 – พัฒนาปรับปรุงและเผยแพร่ MPEG-2 ในปีถัดมา
26 พฤศจิกายน 1996 – ทางการสหรัฐอเมริกาออกสิทธิบัตรสำหรับ MP3
กันยายน ปี 1998 - Fraunhofer เริ่มบังคับใช้สิทธิของตนเอง ทั้งการพัฒนาปรับปรุงระบบตั้งรหัส MP3 หรือการคัดลอก(rippers) และการถอดรหัส/การเล่นกลับ ที่จะต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์/ค่าธรรมเนียมให้กับ Fraunhofer.
กุมภาพันธ์ ปี 1999 – บันทึกบริษัทเสียงที่ชื่อ SubPop เป็นบริษัทแรกที่จัดจำหน่ายเพลงในรูปแบบ MP3
1999 – เริ่มปรากฏเครื่องเล่น MP3 แบบพกพา