• Rocket Sound I Call Center 0-2792-9999 I Line ID : rocketsound I Facebook : RocketSoundThailand I Instagram : Rocketsound_Thailand
 

ดนตรีเป็นยารักษาอารมณ์

  • วันที่: 03/05/2014 16:20
  • จำนวนคนเข้าชม: 9406

รูปแบบการดำเนินชีวิตของมนุษย์ในโลกทุกวันนี้ แม้จะแตกต่างกันบ้างในเรื่องของพฤติกรรม แต่ในเรื่องของอารมณ์แล้วมักจะไม่หนีกันมาก ไม่ว่าจะเป็นนักธุรกิจ พ่อค้า หรือแม้แต่ชนชั้นกรรมาชีพก็ตาม แน่ละเพราะมนุษย์ทุกคนต้องมีองค์ประกอบของอารมณ์ในชีวิตนี้ครับ ซึ่งถ้าเราจะสังเกตุกันให้ดีๆแล้ว นักดนตรี โปรดิวเซอร์ หรือผู้ที่ข้องแวะเกี่ยวกับเรื่องราวทางดนตรี มักจะมียุทธวิธีในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่ค่อนข้างหนักหน่วงในสายตาของบุคคลอื่นลงได้อย่างนุ่มนวลประนีประนอม ที่เป็นเช่นนี้ก็อาจเป็นเพราะว่า เสียงเพลงที่บุคคลเหล่านั้นเกี่ยวข้องด้วย เป็นตัวหนึ่งหรือจุดหนึ่งในหลายๆจุดที่ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาต่างๆได้ลุล่วงไปด้วยความเรียบร้อย ขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ คงไม่ใครไม่กี่คนหรอกที่จะนึกถึง เพราะดูจะเป็นเรื่องผ่านๆไปของใครหลายๆคน

รูปแบบของอารมณ์คนเรานั้น เกิดขึ้นจากสภาพแวดล้อมที่ข้องแวะหรือเกี่ยวข้องด้วยเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีอารมณ์เพียงไม่กี่อย่างเท่านั้นที่เกิดขึ้นโดยตัวเอง ไม่ได้พึ่งปัจจัยจากบุคคลภายนอก ที่เห็นได้ชัดก็คือ อารมณ์ท้อแท้, อารมณ์เหงา, หรือมีความรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกใบนี้ นอกนั้นเช่น อารมณ์โกรธ, อารมณ์รัก, อารมณ์ฉุนเฉียว มักจะต้องเกิดขึ้นจากการที่ใกล้ชิดหรือข้องเกี่ยวกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเสมอ

อารมณ์เครียด จัดได้ว่าเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้ง่ายมากสำหรับผู้ที่ทำงาน ทุกสาขาอาชีพ สาเหตุของความเครียดมักเกิดขึ้นจาก การบีบรัดอารมณ์จากปัจจัยในการทำงาน อาทิ กลัวทำงานไม่ทัน กลัวทำงานผิดพลาด กลัวทำไปแล้วถูกตำหนิ เหล่านี้ละที่ทำให้เกิดการบีบคั้นทางมันสมอง สำหรับนักทำงานจากข้อสมมติฐานของคนตามทฤษฎี Y ของ McGregor ซึ่งได้แก่คนที่มีความรู้สึกว่าการทำงานเป็นเรื่องธรรมดา เหมือนกับการเล่นหรือการพักผ่อน ดังนั้นจึงไม่มีการหลีกเลี่ยงงาน, ชอบที่จะควบคุมตนเอง ตัดสินใจในการทำงานด้วยตนเองเพื่อบรรลุเป้าหมายขององค์กรที่ตั้งไว้ ต้องการที่จะรับผิดชอบสิ่งต่างๆที่เกี่ยวกับงานของตนเอง และมีความคิดริเริ่ม และอยากจะใช้แนวความคิดเหล่านั้นปรับปรุงองค์กรให้ดีขึ้น พวกนี้ละที่จะต้องเกิดอารมณ์เครียด เพราะคิดมากแถมยังหลายเรื่องอีกต่างหาก ส่วนจะเครียดมากเครียดน้อยก็ต้องแยกแยะตามปัจจัยแวดล้อม

สำหรับใครก็ตามที่เกิดอารมณ์เครียดขึ้น มีหลายทางที่แนะนำกันได้ทั้ง การเดินทางพักผ่อน หรือหากิจกรรมบรรเทิงในรูปแบบต่างๆเป็นตัวคลายเครียด แต่ถ้าจะใช้ดนตรีเป็นยารักษาอารมณ์ละก็ ลองเฟ้นหาเพลงที่ออกแบบพ็อพฟังสบายๆ อาจเป็นพ็อพแจ๊สบ้างก็ได้ ระวังอย่าไปยุ่งกับเพลงร็อค หรือเพลงหนักๆเพราะเดี๋ยวจะพาลไปกันใหญ่ และต้องระวังพวกประเภทออเครสตร้าวงใหญ่ เพราะเพลงแบบนี้จะเพิ่มความเอาใจใส่ในการฟังสูง ขืนเอามาฟังในเวลาเครียดๆเจ้าวิทยุซีดีจะถูกทำลายในเวลาอันสั้นๆ(ก็โดนทุบนั่นละ) เพลงที่ใช้ก็น่าจะเป็นอย่างเพลงบรรเลงกีต้าร์ของ ฮัคกี้ ไอเคิลมานน์ หรือเพลงพ็อพของคาร์เพนเตอร์ หรือของคริสเตลเกริล

อารมณ์ท้อแท้ ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุการณ์ใดๆ อาทิ ทำงานแล้วดูไม่ประสบความสำเร็จ หรือผิดหวังในเรื่องของคนรัก อารมณ์ประเภทนี้มักต้องการกำลังใจ ที่จะขจัดความท้อแท้ทางอารมณ์ออกไป วีธีการแก้ก็มีด้วยกันอยู่หลายทาง ได้แก่ การเข้าสมาคมกับเพื่อนที่รู้ใจ ปรึกษาหารือมูลเหตุของความท้อแท้เหล่านั้นกับเพื่อนรู้ใจ โดยทั่วไปมนุษย์จะมีเหตุการณ์ทางด้านอารมณ์ท้อแท้นี้เกิดขึ้นอยู่น้อย

บทเพลงที่ถูกใช้เป็นยารักษาอารมณ์ ส่วนมากมักจะออกไปในแนวของดิสโก้หรือจังหวะกระหึ่งตึงตัง มีสีสันของความสนุกสนานแฝงอยู่ อาจจะอยู่ในจำพวกพ็อพร็อคก็ช่วยผ่อนคลายลงไปได้มาก การใช้บทเพลงแบบนี้ในการรักษาอารมณ์ควรจะต้องฟังต่อเนื่องอย่างน้อย 4-5 เพลงขึ้นไป การฟังแค่ 1 เพลงหรือ 2 เพลง อาจทำให้อารมณ์ท้อแท้ถูกขจัดไปอย่างไม่สมบูรณ์

อารมณ์โกรธ ขึ้นต้นว่าอารมณ์นี้คงมีน้อยคงนักที่จะไม่เกิดขึ้น เรียกว่าอย่างน้อยสำหรับคนที่ทำใจได้ ในหนึ่งปีจะต้องมีไม่น้อยกว่า 5-6 ครั้ง ซึ่งมีทั้งโกรธประเดี่ยวประด๋าว โกรธถาวร หรือโกรธซ้ำซาก หรือแม้กระทั่งโกรธกันชั่วชีวิต อารมณ์ประเภทนี้โดยส่วนใหญ่เกิดจากการรวมกลุ่ม หรือพบปะกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป

เป็นเรื่องแปลกว่าบทเพลงที่ใช้ในการรักษาอารมณ์โกรธนี้ จะเป็นประเภทหนักหน่วง สะใจอย่างพวกร็อค ฟังกี้ร็อค หรือเพลงที่ฟังดูแล้วให้ความรู้สึกว่าสะใจ สมน้ำหน้า ฟังซะให้เข็ด จะเป็นเสมือนยาระบายอารมณ์มากกว่ายารักษา เพาะอย่างบอกครับว่าอารมณ์โกรธจะสลายตัวไปได้เองเมื่อระยะเวลาล่วงเลยไป อยากหายเร็วก็ต้องระบายออกอย่างรวดเร็วอย่าให้คั่งค้างอยู่ภายใน

อารมณ์เรื่อยเปื่อย เป็นอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้งในสี่ช่วงชีวิต มีมากเกินไปก็ไม่ดี มีน้อยเกินไปก็ไม่ดี หากมีมากเกินไปก็จะทำให้คนเราเกิดความรู้สึกที่ขี้เกียจ และถ้าเรื้อรังมากจนกลายเป็นสันดานก็จะยิ่งเพิ่มความเสียหายให้กับช่วงชีวิตของเรา หรือถ้ามีน้อยเกินไปก็จะทำให้มีความรู้สึกเหมือนว่าทำไมหนา ชีวิตเราจึงมีแต่งงาน..งาน..งานแล้วก็งาน

อารมณ์เรื่อยเปื่อยนี้แต่ละคนมักแสดงออกมาในรูปแบบของ การละทิ้งปัญหาทั้งมวลออกไปหามุมสงบของจิตใจ อาทิ ขับรถเที่ยวไปตามต่างจังหวัดคนเดียว หรือไม่ก็นอนบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง หรือไม่ก็นั่งดูทีวีอย่างไร้ความสนใจในเนื้อหา มีบางคนนั่งมองปลาแวกว่ายไปมาในตู้เลี้ยงปลา อารมณ์เรื่อยเปื่อยนี้ หากเป็นคนในทฤษฎี X ของ McGregor แล้ว จะเกิดอารมณ์แบบนี้ขึ้นถึง ¾ ช่วงชีวิต เพราะมูลเหตุที่ไม่ชอบทำงาน และจะพยายามหลีกเลี่ยงเท่าที่จะสามารถทำได้ ต้องบังคับหรือควบคุมดูแลงานจึงสำเร็จตามเป้าหมาย

เราสามารถใช้ดนตรีเป็นยาในการรักษาอารมณ์ประเภทนี้ได้ ซึ่งจะมีลักษณะเป็นยากระตุ้นมากกว่ายารักษา บทเพลงหรือแนวเพลงที่เหมาะสมกับการกระตุ้นเพื่อกำจัดอารมณ์เรื่อยเปื่อยนี้ ควรเป็นเพลงพวกคันทรี่ หรือโฟล์ค ถ้าแบบคุ้นเคยก็เพลงเพื่อชีวิต เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงชีวิตอันแยกแค้นของคนอื่น อันเป็นการกระตุ้นเตือนทางความรู้สึกนึกคิด ที่ไม่ยากให้ตัวเองต้องตกต่ำหรืออับจนค่นแค้นเหมือนคนอื่น ก่อให้เกิดความรู้สึกที่อยากจะทำงาน อยากสร้างสรรค์ผลงาน อันเป็นผลให้ฐานะอื่นๆดีขึ้นเป็นลำดับ