ตรวจสภาพไดชาร์จ(alternator)รถยนต์ ด้วยตัววัดแบบเสียบที่จุดบุหรี่
- วันที่: 03/05/2014 15:37
- จำนวนคนเข้าชม: 7968
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า สุขภาพของระบบเสียงรถยนต์ที่ดี ที่เต็มประสิทธิภาพ จะต้องได้รับ “พลังงาน” ที่สมบูรณ์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งพลังงานหลักในระบบเสียงรถยนต์นั้น มักจะได้มาจาก “ไดชาร์จ” ของเครื่องยนต์ที่ทำงานเต็มประสิทธิภาพ โดยมีแบตเตอรี่เป็นพลังงานเสริม
ในคราวนี้เราขอแนะนำวิธีตรวจสภาพไดชาร์จของรถยนต์ ด้วยอุปกรณ์ง่ายๆราคาไม่แพง นั่นคือ ตัววัดโวลท์แบบเสียงที่จุดบุหรี่ โดยสามารถวัดในเรื่องของสภาพใช้งานปกติ(มาตรฐานรถ) และสภาพความเหมาะสมกับการใช้งานระบบเสียง มีขั้นตอนอย่างไรนั้นไปติดตามกันได้เลยครับ
ก่อนอื่นก็ต้องไปหาซื้อเจ้าอุปกรณ์ที่ว่านี้มาให้ได้เสียก่อน เมื่อได้มาแล้วก็เข้าไปในรถยนต์ เสียบตัววัดโวลท์เข้าไปแทนที่ตัวจุดบุหรี่เดิม ถ้าเป็นรถที่ต่อไฟตรงเข้าที่จุดบุหรี่เลยก็จะแสดงตัวเลขโวลท์ขึ้นมา แต่ถ้าหากเป็นรถที่ต้องบิดสวิทช์กุญแจก่อน ก็ให้บิดสวิทช์กุญแจหนึ่งจังหวะ เพื่อให้ตัวเลขโวลท์แสดงขึ้นมา
1.ตัวเลขโวลท์ที่แสดงขึ้นมาในตอนแรก สมมุติ 12.5 โวลท์ ก็แค่จดจำไว้
2.เปิดสวิทช์ไว้ที่ ACC ON (ถ้าเปิดไว้แล้วในตอนต้น ก็ไม่ต้อง) จากนั้นเปิดไฟหน้ารถ(ไฟใหญ่) ค้างไว้ประมาณ 15 วินาที จากนั้นปิดไฟหน้ารถ รอให้ตัวเลขโวลท์นิ่ง สมมุติอยู่ที่ 12.4 โวลท์ ให้จดบันทึกค่าตัวเลขนี้ไว้ ให้เป็นค่า X1 = 12.4 V
3.ต่อมาให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้ว ให้เร่งรอบเครื่องค้างไว้ที่ประมาณ 1500 รอบต่อนาที สังเกตที่ค่าโวลท์ปรากฏ สมมุติได้ค่า 14.1 โวลท์ จากนั้นจดบันทึก ให้เป็นค่า X2 = 14.1 V
นำค่า X2 ลบด้วยค่า X1 ได้เป็นค่า XN = X2 - X1 หรือได้ค่า XN = 1.7 V
ในเงื่อนไขนี้ ถ้าค่า XN มีค่าความต่างน้อยกว่า 2.5 V แสดงว่า ไดชาร์จยังทำงานเป็นปกติ (แต่ถ้าค่า XN มีความต่างสูงกว่า 2.5 V แสดงว่า ไดชาร์จเริ่มมีอาการผิดปกติ)
4.จากนั้น ให้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์ทั้งหมด ได้แก่ เปิดไฟหน้าพร้อมไฟสูง, เปิดระบบปรับอากาศ เร่งรอบพัดลมสูงสุด, เปิดไฟในเก๋ง, เปิดไฟตัดหมอก(ถ้ามี), และเร่งรอบเครื่องยนต์ให้ไปอยู่ที่ประมาณ 2000 รอบต่อนาที สังเกตที่ค่าโวลท์ปรากฏ สมมุติได้ค่า 13.5 โวลท์ ให้จัดบันทึกเป็นค่า X3 = 13.5 V
นำค่า X3 ลบด้วยค่า X1 ได้ค่าเป็น XF = X3 – X1 หรือได้ค่า XF = 1.1 V
ในเงื่อนไขนี้ ค่า XF มีค่าความต่างมากกว่า 0.5 V แสดงว่า ไดชาร์จทำงานปกติ จ่ายไฟให้อุปกรณ์ประจำรถได้อย่างพอเพียง (แต่ถ้าค่า XF มีค่าความต่างน้อยกว่า 0.5 V แสดงว่า ไดชาร์จเริ่มมีอาการผิดปกติ)
5.สุดท้าย ให้เปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์(ตามข้อ 4 ยกเว้นไฟสูง)ค้างไว้ และเปิดระบบเสียงในรถยนต์ โดยเร่งความดังไว้ที่ประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของความดังสูงสุด หรือระดับความดังที่ใช้ฟังโดยปกติวิสัย พร้อมกับเร่งรอบเครื่องยนต์ค้างไว้ที่ประมาณ 2000 รอบต่อนาที สังเกตที่ค่าโวลท์ปรากฏ สมมุติได้ค่า 13 โวลท์ ให้จดบันทึกเป็นค่า X4 = 13 V
นำค่า X4 ลบด้วยค่า X1 ได้ค่าเป็น XS = X4 – X1 หรือได้ค่า XS = 0.6 V
ในเงื่อนไขนี้ ค่า XS มีค่าความต่างมากกว่า 0.5 V แสดงว่า ไดชาร์จของเครื่องยนต์ มีความสามารถจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์รถพร้อมระบบเสียงในรถยนต์ได้อย่างพอเพียง (แต่ถ้าหากค่า XS นี้มีค่าความต่างน้อยกว่า 0.5 V แสดงว่า ไดชาร์จมีกำลังไม่พอเพียงที่จะจ่ายให้กับระบบเสียง เพื่อทำงานเต็มประสิทธิภาพ)
น่าจะเป็นสารประโยชน์ดีๆสำหรับนักเล่นระบบเสียงรถยนต์ แล้วพบกันใหม่ในโอกาสต่อไป